|
VIEW : 1,158
เพิ่ม/แก้ไขข้อมูลเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๓๓ อายุได้ ๙ ปี เข้าเรียนหนังสือไทยที่สำนักพระอธิการชื่น วัดสลักเหนือ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จนอ่านออกเขียนได้ในสมัยนั้น แล้วบรรพชาสามเณรเรียนอักขรสมัยและอบรมระเบียบศีลธรรมควบกันไป เมื่ออายุ ๑๔ ปี จึงได้ลาเพศจากสามเณรไปประกอบอาชีพทำสวน ทำนา ที่ตระกูลได้มอบให้ จนถึงอายุครบ ๒๐ ปี
อุปสมบท เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๕ (อายุ ๒๑ ปี) ตรงกับวันพุธ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๕ เวลาเช้า ณ พัทธสีมาวัดสลักเหนือ โดยมี เจ้าอธิการบ๊อก วัดปากครองบางคูวัด อำเภอเมือง จังหวัดปทุม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูธัญญเขตเขมากร ( ช้าง ) วัดเทียนถวาย ( ภายหลังได้ย้ายไปอยู่ที่วัดเขียนเขต ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัด ธัญบุรี ) เป็นพระกรรมวาจารย์ พระครูสิทธิเดชะ ( แสง ) วัดชนะสงคราม พระนคร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนาม ฉายาว่า พุทฺธณาโณ (ภายหลัง เจ้าพระคุณสมเด็จวันรัต (เฮง เขมจารีเถระ) วัดมหาธาตุ ได้กรุณาเปลี่ยนใหม่ว่า พุทฺธิสาโร) เมื่ออุปสมบทแล้วได้มาอยู่วัดเทียนถวาย จังหวัดปทุมธานี จนตลอดชนมายุ
เหตุที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระวันรัต ได้เปลี่ยนนามฉายาใหม่ ในสมัยที่เจ้าคุณท่านดำรง สมณศักดิ์ เป็นพระพิมลธรรม เจ้าคณะมณฑลอยุธยา สมัยนั้นเจ้าคุณหลวงพ่อปทุมวรนายก ดำรงค์ สมณศักดิ์เป็นพระครุศีลานุโลมคุณ รองเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้ติดต่อสัมพันธ์กับเจ้าคุณสมเด็จเขมจารมหาเถระอย่างสนิทสนมฐานผู้ใต้บังคับบัญชา บางครั้งก็ได้ติดตามร่วมไปในงานตรวจการคณะสงฆ์มณฑลอยุธยาด้วย จึงเป็นที่รักใคร่สนิทสนมตั้งแต่นั้นมา ประกอบด้วยพระคุณท่านทั้งสองเป็นสหชาติ เกิดร่วมปีเดียวกันและได้รับพรพีเศษจากเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ เรียกคำแทนว่า “สหาย” และอนุญาตให้เข้าหาถึงห้องพักได้ทุกโอกาสโดยไม่จำกัดเวลา โดยเหตุที่ท่านมีการศึกษาดีและมีการประพฤติปฏิบัติดี นับเป็นสาระของชีวิตและหมู่คณะได้เป็นอย่างดี จึงได้รับเปลี่ยนฉายาให้ต้องตามความรู้และความประพฤติปฏิบัติ
เบื้องต้นได้ศึกษาคัมภีร์มูลกัจจายนะ อันว่าด้วยบาลีไวยากรณ์อย่างเก่าแล้วเรียนคัมภีร์พระธัมมปทัฏฐกถาและคัมภีร์มังคลัตถทีปนีตามลำดับจนสามารถแปลภาษาบาลีได้ ในสำนักท่านพระครูศีลานุโลมคุณ (สว่าง) วัดเทียนถวาย ซึ่งภายหลังท่านได้ดำรงตำแหน่งสมณศักดิ์เป็นที่พระธรรมานุสารี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
พ.ศ. ๒๔๕๐ | เป็น พระกรรมวาจารย์ |
พ.ศ. ๒๔๗๘ - ๒๕๐๔ | เป็น เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี |
พ.ศ. ๒๔๙๖ - ๒๕๐๔ | เป็น เจ้าอาวาสวัดเทียนถวาย |
พ.ศ. ๒๔๕๐ | เป็น ครูช่วยบริหารงานทั้งฝ่ายปริยัติสอนคัมภีร์มูลกัจจายนะ ฯลฯ และฝ่ายบริหาร |
พ.ศ. ๒๔๕๗ | เป็น ครูสอนปริยัติแผนใหม่ แผนธรรมวินัย ซึ่งเริ่มตั้งขึ้นครั้งแรกในส่วนภูมิภาค |
พ.ศ. ๒๔๖๔ | เป็น ผู้ควบคุมการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนใหม่และช่วยเหลือบริหารงานพระศาสนา ในหน้าที่ของเจ้าคณะเป็นกรรมการตรวจประโยคธรรมสนามมณฑลอยุธยา |
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๒ เริ่มอาพาธเกี่ยวกับประสาท ครั้งแรกท่านว่าราชการจังหวัดปทุมธานีได้นำแพทย์สุขศาลามาตรวจ แพทย์บอกว่าเป็นโรคเส้นประสาทเพราะใช้สมองมาก เมื่อทำการรักษาพยาบาลกันเต็มความสามารถแล้วอาการโรคก็หายแต่อาการหูรู้สึกอื้อขึ้น
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๓ โรคประสาทกลับกำเริบขึ้น ตอนนี้คณะนางพยาบาลศิริราชได้พาหมอสนองมาตรวจและถวายยารักษาอาการแล้วอาการก็บรรเทาลงแต่ประสาทหูตึงมากขึ้นฟังอะไรไม่ได้ยิน
พ.ศ. ๒๔๙๔ อาการโรคกำเริบขึ้นอีก ได้มาอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช ครั้งละนานๆเป็นเวลาถึง ๓ ครั้ง จากนั้นก็ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงฆ์ ๔ ครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ได้เกิดอาพาธหนัก สลบไปเป็นเวลา ๓ ชั่วโมง ทางคณะศิษย์วัดเทียนถวายได้แจ้งมายังโรงพยาบาลสงฆ์ให้ส่งคณะแพทย์และรถไปรับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลสงฆ์คณะแพทย์ได้ประชุมกันรักษาจนเต็มความสามารถ อาการมีแต่ทรงกับทรุด มีอาการอ่อนเพลียมากขึ้นโดยลำดับ
จนถึง วันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๔ เวลา ๑๗.๐๔ น. ท่านได้ถึงมรณภาพด้วยอาการอักสงบ ที่ตึกพิเศษโรงพยาบาลสงฆ์ คำนวณ อายุได้ ๘๑ ปี
๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ เป็น
พระสมุห์
ฐานานุกรมใน พระครูศีลานโลมคุณ
|
พ.ศ. ๒๔๖๐ เป็น
พระปลัด
ฐานานุกรมใน พระธรรมานุสารี
|
๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๐ เป็น
พระครูสัญญาบัตร รองเจ้าคณะจังหวัด
ที่ พระครูศีลานุโลมคุณ
|
๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็น
พระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะจังหวัด
ที่ พระครูปทุมวรนายก วินัยสาธกธรรมวาที สังฆวาหะ
|
๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๘ เป็น
พระราชาคณะชั้นสามัญ
ที่ พระปทุมวรนายก วินัยสาธกธรรมวาที สังฆปาโมกข์
|
แจ้งเพิ่มข้อมูล info@sangkhatikan.com
www.sangkhatikan.com สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ที่สนใจ ศึกษาข้อมูล และเป็นที่รวบรวมข้อมูลพระสังฆาธิการทั่วประเทศ
ทางผู้จัดทำขออนุญาติ เจ้าของรูปและข้อมูลทุกท่าน ที่นำมาเผยแพร่
พระสังฆาธิการ : sangkhatikan.com
สำนักงานweb : วัดสำโรงเหนือ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ๑๐๑๓๐
E-mail : info@sangkhatikan.com
Facebook