มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๔ คน ดังนี้
     ๑. นางชื่น วัชรนารถ
     ๒. พระปลัดแปลก ชยานันท์
     ๓. นายเพียร ชยานันท์
     ๔. นางอาลัย อุณหะไวทยะ
     ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา ต่อมาได้เข้าศึกษา ณ โรงเรียนวัดโพธาราม จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔

     อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๘ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๗ ปีกุน (อายุ ๒๐ ปี) ณ พัทธสีมาวัดสมุหนิมิต อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี พระชยาภิวัฒน์สุภัทรสังฆปาโมกข์ (หนู ติสฺโส) เจ้าคณะเมืองไชยา เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานีรูปแรก วัดสมุหนิมิต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์ชู เกสโร วัดศักดิ์คุณาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดช่วย ติสฺโส วัดโพธาราม ต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ราชทินนามที่ พระครูโพธาภิรัต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า “รํสิโย”

     เมื่ออุปสมบทแล้ว พระภิกษุแปลกได้จำพรรษา ศึกษาพระธรรมวินัย ณ วัดสมุหนิมิต และได้ศึกษาปริยัติธรรมจนจบนักธรรมชั้นโท ในสำนักเรียนวัดโพธาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๐

     ต่อมา วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๖ ท่านได้ย้ายมาจำพรรษา ณ วัดพระพรหม โดยการนิมนต์ของศิษยานุศิษย์และญาติๆ ท่านเป็นพระผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีเมตตาสูง ทั้งยังสมถะ ไม่สนใจในเรื่องยศฐาบรรดาศักดิ์ รักความสงบ ท่านยังเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ณ สำนักเรียนวัดอินทาราม (วัดท่าเคย) อีกด้วย ต่อมาท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสมุห์ และ พระปลัด ฐานานุกรมใน พระครูสถิตพรหมธรรม (ช้อย ฐิตมโน) เจ้าคณะตำบลท่าเคย เจ้าอาวาสวัดพระพรหม ในสมัยนั้น ซึ่ง พ่อท่านช้อยก็เป็นสหธรรมิกของท่าน มีอายุและพรรษา เท่าๆกัน ท่านได้อยู่จำพรรษา ณ วัดพระพรหมจวบจนมรณภาพ ได้ช่วยกิจการงานคณะสงฆ์ของอำเภอท่าฉาง โดยช่วยพ่อท่านช้อยในการดูแลความเรียบร้อยต่างๆ