อุปสมบท ครั้งแรก เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๘ (อายุ ๒๒ ปี) ณ พัทธสีมาวัดแจ้ง โดยมี พระครูอรุณกิจโกศล (พริ้ง โกสโล) เจ้าคณะตำบลอ่างทอง เจ้าอาวาสวัดแจ้ง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวิมลทีปคุต (เริ่ม คุณธมฺโม) วัดคีรีวงการาม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระใบฎีกาจำรัส เขมธมฺโม วัดแจ้ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "นิติสาโร"

     เมื่ออุปสมบทแล้วจำพรรษา อยู่ที่วัดแจ้ง กับพระครูอรุณกิจโกศล (พริ้ง โกสโล) เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย ต่อมาได้เดินทางมาจำพรรษาที่ วัดคีรีมาส (พังกา) กับ พระครูพุ่ม ธมฺมิโย อยู่ ๑ พรรษาได้เรียนรู้สรรพวิชาจากท่านพอสมควร ต่อมาได้ลาสิกขาบท และได้สมรสมีครอบครัว แต่ไม่มีบุตร ธิดาและได้ชักชวนกันไปประกอบอาชีพ สร้างสวนที่อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร จนกระทั่งอายุครบ ๖๐ ปี จึงตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้ง

     อุปสมบท ครั้งที่สอง เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ณ พัทธสีมาวัดปากระวะ โดยมี พระครูพิทักษ์พุทธิวงศ์ (หลวงพ่อคลิ้ง) วัดปากระวะ เป็นอุปัชฌาย์ พระครูมงคลศีลญาณ วัดมงคลนิมิตร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูสันติรัตนคุณ วัดรามแก้ว เป็นพระอนุสาวนาจารย์

     เมื่ออุปสมบทแล้วก็มาจำพรรษาอยู่ที่วัดคีรีมาส กับ พระครูศรัทธาโสภณ (มโน ติสฺสาโร) และได้ศึกษาพระธรรมวินัยจนสามารถสอบไล่ได้ นักธรรมชั้นเอก และต่อมาได้ไปศึกษาพระปาฏิโมกข์ที่วัดศรีธนู จนสำเร็จพระปาฏิโมกข์แล้วเดินทางกลับมาจำพรรษาที่วัดคีรีมาส ได้ช่วยพระครูศรัทธาโสภณ บูรณะเสนาสนะภายในวัดจนวัดคีรีมาสได้ กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ต่อมาพระครูศรัทธาโสภณ ได้มรณภาพลง ในปี ๒๕๔๔ ท่านจึงต้องรับหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาส และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสในเวลาต่อมา ทำหน้าที่เผยแพร่คำสอนของพระพุทธองค์จนถึงปัจจุบัน