พระอธิการเขียว อินฺทมุนี | พระสังฆาธิการ

พระอธิการเขียว อินฺทมุนี


 
เกิด พ.ศ. ๒๓๙๕
อายุ ๖๖ ปี
อุปสมบท พ.ศ. ๒๔๑๕
พรรษา ๔๖
มรณภาพ พ.ศ. ๒๔๖๑
วัด วัดนิลาราม
ท้องที่ สุราษฎร์ธานี
สังกัด มหานิกาย


VIEW : 1,053

เพิ่ม/แก้ไขข้อมูล

สถานะเดิม


     พระอธิการเขียว อินฺทมุนี มีนามเดิมว่า เขียว พืชผล กำเนิด ประมาณ พ.ศ. ๒๓๙๕ ณ บ้านท่ากระดาน แขวงคีรีรัฐนิคม พื้นที่ ตำบลท่ากระดาน อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในปัจจุบัน บิดาชื่อนายพัฒน์ มารดาชื่อนางชู นามสกุล พืชผล ไม่ทราบจำนวนและนามพี่น้องร่วมบิดามารดา

     ***หลังมีบัญญัติใช้นามสกุล สืบได้ว่า นายพัฒน์ผู้เป็นบิดาของพระอธิการเขียว นั้น เป็นบรรพบุรุษต้นๆของนามสกุล “พืชผล” สืบจนปัจจุบัน ซึ่งมาแต่งงานกับนางชู(ไม่ทราบนามสกุล) ผู้เป็นมารดาของพระอธิการเขียว


อุปสมบท

     อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๑๕ ณ พัทธสีมาวัดกาซี(เหนือ) โดยมี เจ้าอาวาสวัดกาซี (เหนือ) ในสมัยนั้น (ไม่ทราบนาม) เป็นพระอุปัชฌาย์

     ***วัดกาซีเหนือ มีชื่อวัดเป็นทางการว่า “วัดวนาราม”

     * ”กาซี” เป็นชื่อหมู่บ้านและนำมาตั้งเป็นชื่อวัด เป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า “กาชี” กล่าวคือ ในสมัยโบราณมา มีนกกาสีขาว ได้อาศัยอยู่ในป่าภูเขาแถบนั้น จึงขนานนามพื้นที่แถบนั้นว่า กาชี ปัจจุบันเรียก กาซี


เล่าขานพระครูเขียววัดกาซีใต้

     เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ได้ศึกษาพระธรรมวินัย และอยู่จำพรรษา ณ วัดกาซี(เหนือ) อยู่ช่วยศาสนกิจ อุปัฏฐากดูแลพระอาจารย์ได้ ๓ พรรษาเศษ พระอาจารย์ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านได้มรณภาพลง ท่านจึงได้ครองวัดกาซี(เหนือ) ต่อจากพระอาจารย์

     ต่อมาพระเขียวครองวัดกาซี(เหนือ) ได้ประมาณ ๒ ปีเศษ ท่านได้เกิดมีปัญหาขัดใจขึ้นกับท่านหัวเมือง ชื่อกัณฑ์ และกับชาวบ้านใกล้วัดกาซี(เหนือ) ท่านจึงได้ตัดสินใจสละตำแหน่งเจ้าอาวาส และเดินออกจากวัดกาซี(เหนือ) มาทางทิศตะวันออก เพื่อมาสร้างวัดแห่งใหม่ (พื้นที่วัดนิลาราม หรือ วัดกาซีใต้ในปัจจุบัน) โดยมีโยมผู้หญิงซึ่งเป็นญาติของท่าน ชื่อ ยายสั้น ได้บริจาคที่ดินราว ๑๖ ไร่ ให้พระเขียวได้สร้างวัด

     ต่อมาประมาณ พ.ศ.๒๔๒๐ ท่านได้ชักชวนพุทธบริษัทลงมือถากถางพื้นที่หมายตั้งใจจะสร้างขึ้นเป็นวัด ซึ่งสมัยพระอธิการเขียว วัดกาซี(ใต้) มีสิ่งปลูกสร้างดังนี้

     - พ.ศ.๒๔๒๐ สร้างอุโบสถขึ้น ขนาดกว้าง ๑๑.๕ เมตร ยาว ๑๕.๕ เมตร หลังคาไทย ลดปีกไก่ทั้ง ๔ ด้าน เสาไม้แก่น มุงกระเบื้องซีเมนต์ ใช้พื้นดินเป็นพื้นอุโบสถ

     - ต่อมาในปีเดียวกัน ได้สร้างกุฏิขึ้นพร้อมๆกับการสร้างอุโบสถ เพื่อเป็นที่จำวัดและปฏิบัติธรรมของพระครูเขียว สร้างด้วยไม้ เสาไม้แก่น กั้นไม้กระดาน ปูไม้กระดาน มุงกระเบื้องไทยดินเผาขนาดกว้าง ๑๑.๕ เมตร ยาว ๑๕.๕ เมตร เท่าอุโบสถ

     - และก็ได้สร้างเว็จกุฏิ (ห้องส้วม) และศาลา ขึ้นด้วย

     จากนั้นไม่นาน ด้วยแรงช่วยของสาธุชน ท่านได้สร้างวัดได้สำเร็จ ชาวบ้านต่างเรียกชื่อวัดว่า “วัดชนะไพรี” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างจากวัดกาซี(เหนือ) ประมาณ ๑ กิโลเศษ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อโดยใช้ชื่อตามลักษณะพื้นที่ เรียก “วัดกาซีใต้” วัดกาซีเดิม จึงเรียกเป็น “วัดกาซีเหนือ” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยท่านห้ามไม่ให้ชาวบ้านเรียกว่า วัดชนะไพรี เนื่องมาจากจะเป็นการไม่ดีต่อศาสนาในการย้ายมาสร้างวัดขึ้นใหม่

     ในกาลต่อมาได้ทำเรื่องขอพระราชทานพื้นที่เขตวิสุงคามสีมา จาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ และได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตเขตวิสุงคามสีมาสามัญ เมื่อ วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๓๘ ตรงกับ วันอาทิตย์ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะแม ตามราจกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓ หน้า ๑๒๕ ลงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ร.ศ.๑๑๕ (พ.ศ.๒๔๓๙) มีพื้นที่ กว้าง ๑๗ เมตร ยาว ๒๔ เมตร และได้จัดงานผูกพัทธสีมาขึ้น อย่างยิ่งใหญ่ในยุคนั้น และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะแขวงคีรีรัฐนิคม และเป็นพระอุปัชฌาย์

     “พระครูเขียว” เป็นชื่อเรียกของชาวบ้านเพราะท่านเป็นเจ้าคณะแขวงเดิม ถ้าตามสมณศักดิ์ทางคณะสงฆ์แล้ว ท่านมิได้มีสมณศักดิ์ในราชทินนามใดๆ เนื่องจากท่านปฏิเสธไม่รับสมณศักดิ์ เช่นนามที่เรียกกันว่า พระครูอินทมุนี นั้น ก็มิได้มีราชทินนามนี้ในทำเนียบสมณศักดิ์พระสงฆ์ไทย (เทียบจากบัญชีสมณศักดิ์พระสงฆ์ไทยหัวเมืองใต้ พ.ศ.๒๓๒๕-๒๔๔๓) คาดว่านาม “พระครูอินทมุนี” เป็นการเอาชื่อฉายาทางธรรมของท่าน “พระเขียว อินฺทมุนี” มาเรียกเป็นชื่อพระครูด้วยความยกย่องสรรเสริญ

     พระอธิการเขียว เดิมท่านเป็นพระครูเขียว เจ้าคณะแขวงคีรีรัฐนิคม ต่อมาท่านลาออกเป็นพระธรรมดา ที่ไม่มีสมณศักดิ์ใดๆ แต่ทว่า คุณงามความดีที่ท่านสร้าง และความรู้ความสามารถของท่านนั้น มีมากมาย ตำแหน่งสำคัญที่ท่านดำรงคือ เจ้าคณะแขวงคีรีรัฐนิคม ซึ่งเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ อาณาเขตตั้งแต่พื้นที่พุมดวงบางส่วน(ก่อนแยกเป็นอำเภอพุนพิน)ตลอดไปจนถึงอำเภอบ้านตาขุน จรดเขาสกอำเภอพนม บารมีท่านเป็นที่กล่าวขาน เป็นที่ยกย่องของอุบาสกอุบาสิกา เป็นที่เคารพนับถือโดยทั่วไป อีกทั้งท่านยังมีความขลัง มีวิชาอาคมอยู่มาก รวมทั้งเชี่ยวชาญวิปัสสนากรรมฐาน เคร่งครัดพระธรรมวินัย ปฏิบัติกิจของสงฆ์มิได้บกพร่อง

     ต่อมาภายหลังจากที่พระอธิการเขียวมรณภาพแล้ว ในสมัยที่พระอธิการวรรณ สงฺฆรกฺขิโต เป็นเจ้าอาวาส ชื่อ “วัดกาซีใต้” ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดนิลาราม” เปลี่ยนชื่อโดย พระเทพรัตนกวี (เกตุ ธมฺมวโร) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในสมัยดำรงสมณศักดิ์ ที่ พระครูวัตตจารีศีลสุนทร ตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี วัดไตรธรรมารามฯ ซึ่งมาจากคำ ๒ คำ คือ คำว่า “นิล” ที่แปลว่า พลอยอันมีค่าชนิดหนึ่งมีสีเขียวแก่ไปจนถึงสีดำ และคำว่า “อาราม” ที่แปลว่า วัด ซึ่ง นิล+อาราม เป็นการสนธิคำ กลายเป็น นิลาราม แปลว่า วัดที่มีพลอยสีเขียวแก่อันมีค่า มีความหมายโดยนัยว่า วัดที่มีพระครูเขียวผู้เชี่ยวชาญสร้างขึ้น


การคณะสงฆ์

     - ผู้สร้างวัดและเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก วัดนิลาราม (กาซีใต้) พ.ศ. ๒๔๒๐

     - ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะแขวงคีรีรัฐนิคม และ เป็นพระอุปัชฌาย์ ประมาณ พ.ศ. ๒๔๓๙ ตามบันทึกรายงานพระสงฆ์ มณฑลชุมพร ร.ศ. ๑๒๘

     - (พ.ศ. ๒๔๔๒) ในราชกิจจานุเบกษา ของพระศาสนดิลก (คำ พรหมกสิกร ป.ธ.๗) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารฯ (ลาสิกขา ๒๔๔๕) เล่ม ๑๖ หน้า ๓๓๖ ลงวันที่ ๑๗ กันยายน ร.ศ. ๑๑๘ (พ.ศ. ๒๔๔๒) ระบุว่า “พระเขียว วัดกาซี เจ้าคณะแขวงคีรีรัฐนิคม” แสดงว่าท่านดำรงตำแหน่งมาก่อนแล้ว เพราะไม่ได้กล่าวถึงการแต่งตั้งแต่อย่างใด

     - ในปี พ.ศ. ๒๔๕๕ ได้แต่งตั้ง พระครูแก้ว (เกว ติสฺโส) เป็น “พระครูประกาศธรรมคุณ” ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะแขวงคีรีรัฐนิคม เมืองไชยา ตามราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๒๙ หน้า ๗๙๙ ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๓๑ (พ.ศ. ๒๔๕๕) สืบเนื่องจากเรื่องที่พระอธิการเขียว วัดกาซี(ใต้) ปฏิเสธไม่รับสมณศักดิ์ แต่ทางการได้มีการแต่งตั้ง ท่านจึงลาออกจากตำแหน่ง และให้พระครูแก้ว (เกว ติสฺโส) วัดถ้ำสิงขร ซึ่งมีความอาวุโส และเป็นพระอุปัชฌาย์ มีอายุและพรรษาใกล้เคียงกัน ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะแขวงคีรีรัฐนิคมสืบแทน

ตำแหน่ง

ฝ่ายปกครอง

พ.ศ. ๒๔๒๐  เป็น เจ้าอาวาสวัดนิลาราม
พ.ศ. ๒๔๓๙  เป็น เจ้าคณะแขวงคีรีรัฐนิคม
พ.ศ. ๒๔๓๙  เป็น พระอุปัชฌาย์

มรณกาล


     พระอธิการเขียว อดีตเจ้าคณะแขวงคีรีรัฐนิคม (พระครูเขียว วัดกาซี) ได้มรณภาพ เมื่อ ประมาณ พ.ศ. ๒๔๖๑ สิริอายุ ประมาณ ๖๖ ปี พรรษา ๔๖ อ้างอิงจากเอกสารประวัติพระสังฆาธิการที่ระบุว่า พระอธิการวรรณ สงฺฆรกฺขิโต เป็นเจ้าอาวาสวัดกาซีใต้สืบต่อ เมื่อ วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๓



ที่มา


เอกสารทะเบียนประวัติวัดนิลาราม พ.ศ. ๒๔๙๔.
เอกสารประวัติพระสังฆาธิการในอำเภอท่าขนอน (คีรีรัฐนิคม) พ.ศ. ๒๔๙๔.
หนังสือคำกลอนนิราศวัดเขาพัง พิมพ์เป็นที่ระลึกงานฌาปนกิจศพพระอธิการวรรณ สงฺฆรกฺขิโต อดีตเจ้าอาวาสวัดนิลาราม ๒๔-๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๙.
จากการสัมภาษณ์และเอื้อเฟื้อข้อมูลเอกสารบางอย่าง จาก พระครูปราการถิรคุณ (วิเชียร ฐานสุทฺโธ) เจ้าคณะตำบลบ้านยาง เจ้าอาวาสวัดปราการ.
หนังสือราชกิจจานุเบกษา (ออนไลน์).
ปฏิทินร้อยปีเพื่อเทียบวันที่ตามจันทรคติ (ออนไลน์).
จากการปะติดปะต่อเรียบเรียงเรื่องราวจากหลักฐานที่ปรากฏ.

ผู้แนะนำข้อมูล


จักรกฤษณ์ แขกฮู้ นักวิชาการวัฒนธรรม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี : เรียบเรียง


แจ้งเพิ่มข้อมูล info@sangkhatikan.com

www.sangkhatikan.com สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ที่สนใจ ศึกษาข้อมูล และเป็นที่รวบรวมข้อมูลพระสังฆาธิการทั่วประเทศ
ทางผู้จัดทำขออนุญาติ เจ้าของรูปและข้อมูลทุกท่าน ที่นำมาเผยแพร่

พระสังฆาธิการ : sangkhatikan.com
สำนักงานweb : วัดสำโรงเหนือ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ๑๐๑๓๐
E-mail : info@sangkhatikan.com
Facebook