๑.นายพร้อม เปียกน้ำหัก
     ๒.นางพวย เปียกน้ำหัก
     ๓.นางแก้ว เปียกน้ำหัก
     ๔.นางเกื้อ พิกุลทอง
     ๕.นางจีบ เปียกน้ำหัก
     ๖.นายพร้อย จิตราภิรมย์ (ท่านใช้นามสกุลโยมมารดา) หรือ พระครูปัญญาสุนทร

     ในวัยเยาว์ได้เข้าศึกษาจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนวัดเกษมบำรุง (วัดขนาย)

     เมื่ออายุได้ ๑๙ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ณ วัดเกษมบำรุง (วัดขนาย) โดยมี พระธรรมปรีชาอุดม (พุ่ม โชติปาโล ป.ธ.๓) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี วัดตรณาราม เป็นพระอาจารย์บรรพชาสามเณร

     เมื่ออายุได้ ๒๑ ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๘/๘ (เดือนแปดสองหน) ปีเถาะ เวลา ๑๕.๓๐ น. ณ พัทธสีมาวัดเกษมบำรุง (วัดขนาย) ม.๔ ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี พระธรรมปรีชาอุดม (พุ่ม โชติปาโล ป.ธ.๓) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี วัดตรณาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูคณานุกูล อดีตเจ้าคณะอำเภอพุนพิน ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ พระปลัดสุวรรณ เขมิโย วัดดอนกะถิน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสมุห์เกษม (หลวงพ่อสำรวย หตาโส) วัดเกษมบำรุง (ขนาย) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า “ปญฺญาวุโธ” แปลว่า ผู้มีปัญญาเป็นอาวุธ

     หลังจากอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านได้จำพรรษา ศึกษาพระธรรมวินัย ณ วัดขนาย ในสำนักของพระสมุห์เกษม (หลวงพ่อสำรวย หตาโส) เจ้าอาวาสวัดเกษมบำรุงในสมัยนั้น จวบจนหลวงพ่อสำรวยได้มรณภาพเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๕ ท่านได้เป็นเรี่ยวแรงหลักร่วมกับพ่อท่านพริ้ม ฐานธมฺโม (พระครูพิทักษ์ธรรมสาร) ในการจัดการบำเพ็ญกุศลศพพระอาจารย์จนฌาปนกิจเสร็จเรียบร้อย ต่อมาได้ศึกษาจนจบนักธรรมชั้นเอก ต่อมาได้ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานกับพ่อท่านแดง คุณสมฺปนฺโณ วัดวิหาร โดยได้เดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างวัดขนายและวัดวิหาร และศึกษาวิชาอาคมต่างๆจากพ่อท่านแดง

     ต่อมาวัดอรัญญาราม หรือ วัดตะกุก (สมัยนั้นอยู่ในเขตอำเภอคีรีรัฐนิคม) ได้ว่างเจ้าอาวาส ญาติของท่านฝ่ายโยมบิดาจึงได้นิมนต์ท่านจากวัดขนาย (วัดเกษมบำรุง) ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดอรัญญาราม เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๐ ท่านก็ได้รับนิมนต์ แต่ช่วงระยะแรก ท่านไปๆ มาๆ ระหว่างวัดอรัญญาราม และวัดขนาย จนปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ท่านได้ย้ายไปจำพรรษา ณ วัดอรัญญารามแบบถาวร โดยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสจนชราและถึงแก่มรณภาพ

     เมื่อท่านมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านได้บูรณะปฏิสังขร เสนาสนะต่างๆ และได้สร้างเสนาสนะเพิ่มเติม เช่น อุโบสถ กุฏิ ศาลา หอฉัน เมรุ และซุ้มประตูกำแพงวัด พัฒนาในด้านต่างๆจนวัดเจริญขึ้นเป็นลำดับ ท่านเป็นพระสงฆ์ที่ร่าเริงแจ่มใส มีน้ำใจโอบอ้อมอารี สมถะ เรียบง่าย มีผู้คนเคารพนับถือมากมาย สมญานามอริยสงฆ์แห่งตะกุกใต้