๑. นายสมบูรณ์ ประจันตะประเทศธานี
     ๒. นางกระกุล ศรีโยธา
     ๓. นางบุญนาค ประจันตะประเทศธานี
     ๔. พระมุนีวรญาณเถร มหานาโม

     บรรพชาเป็นสามเณรโดยหลวงตาเพชรได้พาไปบรรพชา เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ (อายุ ๑๙ ปี) ณ วัดกวิศราราม ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี (มหานิกาย) โดยมี พระอาจารย์มี เป็นพระอุปัชฌาย์

     จากนั้นจึงได้ขอลาไปจำพรรษาอยู่ที่วัดถ้ำตะโก ตำบลเขาสมอคอน อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ ณ พัทธสีมา วัดถ้ำตะโก โดยมี พระอาจารย์กิ่งสุวรรณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์อุ่น เป็นพระกรรมวาจารย์ พระอาจารย์ปาน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า มหนฺตปญฺโญ

     หลังจากอุปสมบทแล้วก็จำพรรษาที่วัดถ้ำตะโก ๑ พรรษา พระอาจารย์กิ่งสุวรรณได้ชักชวนไปจำพรรษาที่วัดธรรมสังเวช จังหวัดลพบุรี ๓ พรรษา จากนั้นได้ถือโอกาศลาพระอุปัชฌาย์เพื่อออกไปแสวงหาความรู้โดยเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง ขณะอยู่ในกรุงเทพฯได้พักอยู่กับพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ และได้ญัตติเป็นธรรมยุต เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๑ ณ พัทธสีมาวัดบรมนิวาส โดยมี พระครูอุบาลีคุณูปมาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวินัยธรพรหมมา เป็นพระกรรมวาจารย์ เปลี่ยนนามฉายาว่า “มหานาโม“

     หลังจากญัตติเป็นธรรมยุตแล้วได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระปริญัติธรรมอยู่ที่วัดบรมฯ ๓ พรรษา จนสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในสนามหลวง ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ และได้ขอลาพระอุปัชฌาย์ไปอยู่กับท่านพระครูศรีจันทร์คุณที่วัดนรนาถสุนทริการาม กรุงเทพฯ ได้ศึกษาปริญัติธรรมและบาลี จนสอบได้นักธรรมชั้นโทในสนามหลวง และระหว่างที่อยู่เมืองหลวงนั้นหลวงปู่เขียวก็ได้สนทนาธรรมกับเกจิอาจารย์หลายรูป เช่น พระมหาวีรวงศ์ (ดิสโส อ้วน) , หลวงปู่แหวน สุจินโณ , หลวงปู่ตื้อ อาจลธัมโม ซึ่งเป็นสหธรรมมิก สมเด็จสังฆราช (จวน) และช่วงท่านยังหนุ่มแน่นท่านจะเดินทางไปมาหาสู่กันเสมอ