|
VIEW : 1,859
เพิ่ม/แก้ไขข้อมูลอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๓ ณ วัดจุมพลสุทธาวาส อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ โดยมี พระครูวิมลศีลพรต เป็นพระอุปัชฌาย์
เมื่อแรกบวช หลวงปู่ได้พากเพียรศึกษาการปฏิบัติกรรมฐานอย่างเคร่งครัด มีความวิริยะ อุตสาหะอย่างแรงกล้า จนล่วงเข้าพรรษาที่ ๖ หลวงปู่จึงหันมาศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดสุทัศน์ จังหวัดอุบลราชธานี สอบได้นักธรรมชั้นตรีเป็นรุ่นแรก ของจังหวัดอุบลราชธานี และได้ศึกษาบาลีไวยากรณ์ (มูลกัจจายน์) จนสามารถแปลพระธรรมบทได้ เนื่องจากวัดสุทัศน์ เป็นวัดที่อยู่ในสังกัดธรรมยุตินิกาย หลวงปู่จึงได้ขอญัตติเป็นธรรมยุตินิกายในปี พ.ศ. ๒๔๖๑ ณ วัดสุทัศน์ โดยมี พระมหารัฐ เป็นพระอุปัชฌาย์ และในพรรษาต่อมาหลวงปู่ได้มีโอกาสพบพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต เมื่อได้ฟังธรรมเพียงครั้งเดียว จากพระอาจารย์มั่น ก็เกิดความอัศจรรย์ใจยิ่ง จึงได้เลิกศึกษาพระปริยัติแล้วออกธุดงค์ตามพระอาจารย์มั่น ไปยังที่ต่าง ๆ หลายแห่ง จึงนับได้ว่าหลวงปู่เป็นศิษย์พระอาจารย์มั่นในสมัยแรก ต่อมาเจ้าคณะมณฑลนครราชสีมาขอให้หลวงปู่กลับจังหวัดสุรินทร์ เพื่อบูรณะวัดบูรพาราม หลวงปู่จึงจำต้องระงับกิจธุดงค์และเริ่มงานบูรณะตามที่ได้รับมอบหมาย หลวงปู่ได้อุทิศชีวิต เพื่อพระศาสนาอย่างแท้จริง จนได้รับการยอมรับจากสาธุชนทั้งหลาย ว่าเป็นอริยสงฆ์ที่หาได้ยากยิ่งองค์หนึ่ง
พ.ศ. ๒๔๗๗ | เป็น เจ้าอาวาสวัดบูรพาราม |
พ.ศ. ๒๔๗๘ | เป็น เจ้าคณะแขวงรัตนบุรี |
พ.ศ. ๒๔๘๐ | เป็น พระอุปัชฌาย์วิสามัญ |
พ.ศ. ๒๔๙๓ | เป็น เจ้าคณะอำเภอเมืองสุรินทร์ (ธ) |
พ.ศ. ๒๕๐๑ | เป็น เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ธ) |
พระราชวุฒาจารย์ (ดุลย์ อตุโล) มรณภาพลงด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ เวลา ๐๔.๑๓ น. รวมสิริอายุได้ ๙๖ ปี ๒๖ วัน พรรษา ๗๔
เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ดูลย์ อตุโล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพพระราชวุฒาจารย์ (ดูลย์ อตุโล) อดีตเจ้าอาวาสวัดบูรพาราม ณ บริเวณวนอุทยานแห่งชาติพนมสวาย ตำบลนาบัว อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินขึ้นเมรุทรงทอดผ้าไตรที่โกศแล้วจุดเพลิงพระราชทาน หลังจากนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงจุดไฟพระราชทานเพลิงศพแล้วเสด็จลงจากเมรุ ประทับ ณ มุขพลับพลาพิธี สมควรแก่เวลาจึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ
๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ เป็น
พระครูสัญญาบัตร
ที่ พระครูรัตนากรวิสุทธิ์
|
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๔ เป็น
พระราชาคณะชั้นสามัญ
ที่ พระรัตนากรวิสุทธิ์ วินยานุยุตต์ ธรรมิกคณิสสร
[1]
|
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็น
พระราชาคณะชั้นราช
ที่ พระราชวุฒาจารย์ ศาสนภารธุราทร ยติคณิสสร บวรสังฆราม คามวาสี
[2]
|
1. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๗๘, ตอนที่ ๑๐๔ ง, ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔, หน้า ๕ |
2. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๙๗, ตอนที่ ๖๓ ง, ๑๘ เมษายน ๒๕๒๓, หน้า ๒ |
ทำเนียบอดีตพระราชาคณะภาคอิสาณ |
แจ้งเพิ่มข้อมูล info@sangkhatikan.com
www.sangkhatikan.com สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ที่สนใจ ศึกษาข้อมูล และเป็นที่รวบรวมข้อมูลพระสังฆาธิการทั่วประเทศ
ทางผู้จัดทำขออนุญาติ เจ้าของรูปและข้อมูลทุกท่าน ที่นำมาเผยแพร่
พระสังฆาธิการ : sangkhatikan.com
สำนักงานweb : วัดสำโรงเหนือ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ๑๐๑๓๐
E-mail : info@sangkhatikan.com
Facebook