|
VIEW : 2,270
เพิ่ม/แก้ไขข้อมูล***สมัยก่อน ไชยา กับ หลังสวน เป็นพื้นที่ในมณฑลเดียวกันทางการปกครองคณะสงฆ์ของกระทรวงธรรมการ ต่อมา ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ เมืองไชยาได้เปลี่ยนชื่อเป็นจังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนไชยาได้ตั้งเป็นอำเภอในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๕ จังหวัดหลังสวนได้ถูกยุบไปเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดชุมพร ส่วนอำเภอขันเงิน ได้ลดฐานะ เป็น ตำบลขันเงิน อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร
พระธรรมารามคณี สุปรีชาสังฆปาโมกข์ (หนู) ในวัยเด็กท่านได้ซุกซนตามวัยเหมือนเด็กทั่วไป ได้เข้าศึกษาเรียนหนังสือจนจบอักขระสมัย ขอม ไทย ในเบื้องต้น ต่อมาสมัยวัยรุ่นกล่าวกันว่าท่านเป็นคนที่มีนิสัยนักเลง ใจถึง เป็นที่ยกย่องและยำเกรงในกลุ่มเพื่อนฝูง และได้รับฉายาว่า นักเลงประจำทุ่งใน
อุปสมบท ฝ่ายมหานิกาย เมื่อ อายุย่างเข้า ๒๔ ปี พ.ศ. ๒๔๒๒ ณ วัดโตนด หลังสวน โดยมี พระครูรัตนมุนีศรีสังฆราชาลังกาแก้ว (ทองอยู่) เจ้าคณะเมืองไชยา วัดโพธาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการคง วัดหาดสำราญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ยัง (พระครูธรรมวิจิตรอุดมปัญญาปรีชามุนี) วัดโตนด เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ต่อมา พ.ศ. ๒๔๔๐ พระครูธรรมวิจิตรอุดมปัญญาปรีชามุนี (ยัง) ได้มรณภาพในระหว่างเดินทางกลับจากนมัสการพระธาตุเจดีย์ชะเวดากองที่กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า เนื่องจากเรือที่ท่านโดยสารมาอัปปางลงกลางทะเลอันดามัน (ชาวบ้านเรียกพระครูตกเล)
ต่อมา พ.ศ. ๒๔๔๑ ชาวบ้านจึงได้นิมนต์พระหนู ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโตนดสืบแทน ได้รับสมณศักดิ์ พระครูธรรมวิจิตรอุดมปัญญาปรีชามุนี และตำแหน่งเจ้าคณะเมืองหลังสวน ต่อจากพระอาจารย์ของท่าน
ต่อมา พ.ศ. ๒๔๔๒ ท่านได้นำอัฐิ ของพระครูธรรมวิจิตรอุดมปัญญาปรีชามุนี (ยัง) พระอาจารย์ของท่านมาบำเพ็ญกุศล โดยสร้างโรงประกอบพิธีขนาดใหญ่ เรียกว่า"โรงธรรม" ขนาดกว้าง ๑๐ วา ยาว ๑๐ วา หลังจากบำเพ็ญกุศลแล้ว ท่านจึงได้ใช้โรงธรรมตั้งเป็นโรงเรียน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๒ โดยมีท่านเจ้าคุณ พระศาสนดิลก (คำ พรหมกสิกร) ป.ธ.๗ เจ้าคณะมณฑลชุมพร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารฯ เป็นประธานเปิดโรงเรียน และตั้งชื่อโรงเรียนแห่งนี้ว่า "โรงเรียนอุดมวิทยากร" ต่อมาภายหลังได้มีการย้ายโรงเรียนจากวัดโตนดมาอยู่ในสถานที่ปัจจุบัน และเปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนสวนศรีวิทยา" ท่านจึงเป็นผู้ก่อให้เกิดการศึกษาของลูกหลานชาวหลังสวน และเป็นผู้เริ่มตั้งโรงเรียน วางรากฐานการศึกษาแก่อำเภอหลังสวน และจังหวัดชุมพรมาจนทุกวันนี้
ท่านได้ปฏิบัติตนเป็นสุปฏิปันโนสงฆ์มาตลอด รอบรู้บาลีและไวยากรณ์เป็นอย่างยิ่ง วิชาอาคมท่านก็มีแต่ท่านไม่ค่อยมุ่งเน้น ต่อมาท่านได้เดินทางขึ้น กรุงเทพฯอีกครั้ง เพื่อขอพระบรมราชานุญาต จากรัชกาลที่ ๕ ญัตติเปลี่ยนนิกาย จากมหานิกายเป็นธรรมยุติกนิกาย
เมื่ออายุได้ ๔๙ ปี ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูธรรมวิจิตรอุดมปัญญาปรีชามุนี และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดหลังสวน ท่านมีความเลื่อมใสในวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย จึงได้ทูลขอพระบรมราชานุญาต จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ จึงได้อุปสมบทใหม่ ญัตติจากมหานิกายเป็นธรรมยุตในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๗ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะโรง ณ วัดบวรนิเวศวิหารฯ กรุงเทพฯ โดยมี สมเด็จสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระองค์ที่ ๑๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระราชาคณะเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระรัตนธัชมุนี (ม่วง รตนทฺธโช) ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ พระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระศิริธรรมมุนี เจ้าคณะใหญ่เมืองนครศรีธรรมราช วัดท่าโพธิ์ฯ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พ.ศ. ๒๔๔๒ | เป็น เจ้าอาวาสวัดโตนด |
เจ้าคณะใหญ่เมืองหลังสวน |
๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ ตามประกาศของกระทรวงธรรมการ ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓๓ หน้า ๑๒๘๖ ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ เรื่องเปลี่ยนชื่อเจ้าคณะเมืองเป็นเจ้าคณะจังหวัด ดังนั้น พระธรรมารามคณีสุปรีชาสังฆปาโมกข์ (หนู อชิโต) เจ้าคณะใหญ่เมืองหลังสวน เป็น เจ้าคณะจังหวัดหลังสวน (สมัยนั้น)
๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๔๑ เป็น
พระครูสัญญาบัตร
ที่ พระครูธรรมวิจิตรอุดมปัญญาปรีชามุนี
และเป็นเจ้าคณะเมืองหลังสวน ต่อมา พ.ศ. ๒๔๔๗ ได้ขอพระบรมราชานุญาตจาก ร.๕ ญัตติเป็นธรรมยุติกนิกาย เมื่อได้เป็นสงฆ์ในธรรมยุตนิกายแล้วก็ยังดำรงสมณศักดิ์ ที่ราชทินนามและตำแหน่งเดิม
|
๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๕ เป็น
พระราชาคณะ
ที่ พระธรรมารามคนี สุปรีชาสังฆปาโมกข์
เจ้าคณะใหญ่เมืองหลังสวน มีนิตยภัตร ราคาเดือนละ ๑๒ บาท พัดแฉกหน้าราหูเล็ก
|
แจ้งเพิ่มข้อมูล info@sangkhatikan.com
www.sangkhatikan.com สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ที่สนใจ ศึกษาข้อมูล และเป็นที่รวบรวมข้อมูลพระสังฆาธิการทั่วประเทศ
ทางผู้จัดทำขออนุญาติ เจ้าของรูปและข้อมูลทุกท่าน ที่นำมาเผยแพร่
พระสังฆาธิการ : sangkhatikan.com
สำนักงานweb : วัดสำโรงเหนือ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ๑๐๑๓๐
E-mail : info@sangkhatikan.com
Facebook