|
VIEW : 3,572
เพิ่ม/แก้ไขข้อมูลเมื่ออายุ ๙ ขวบได้ศึกษาภาษาไทยและภาษาบาลีตามลำดับในสำนักของพระอาจารย์เพ็ชร วัดแจ้ง จนอายุ ๑๕ จึงบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดแจ้ง จนอายุได้ ๑๗ ปีจึงย้ายไปอยู่วัดมเหยงคณ์ ศึกษาภาษาบาลีในสำนักของพระครูการาม (จู)
อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในปี พ.ศ. ๒๔๑๖ (อายุ ๒๐ ปี) โดยมี พระครูการาม (จู) เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อพระครูการามย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าโพธิ์ในปีต่อมา ท่านได้ตามมาอยู่ด้วย จนพระครูการามมรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๒๗ ท่านจึงได้เป็นเจ้าอาวาสแทน
พ.ศ. ๒๔๓๒ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส เสด็จมาตรวจการพระศาสนาในหัวเมืองปักษ์ใต้ พระอธิการม่วงได้เข้าเฝ้าและตามเสด็จกลับมาศึกษาพระปริยัติธรรมที่กรุงเทพมหานคร ทรงให้ท่านอยู่วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร และในปีฉลูนั้นทรงให้ท่านทำทัฬหีกรรมบวชใหม่ในคณะธรรมยุตโดยมีพระพรหมมุนี (แฟง กิตฺติสาโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ ส่วนพระองค์เองเป็นพระกรรมวาจาจารย์ บวชแล้วศึกษากับพระองค์ต่อ จนปีขาล พ.ศ. ๒๔๓๓ ได้เข้าสอบที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้เป็นเปรียญธรรม ๔ ประโยค ปีต่อมาได้ทูลลากลับไปอยู่วัดท่าโพธิ์ตามเดิม
พ.ศ. ๒๔๔๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ประพาสปักษ์ใต้ พระมหาม่วงได้เข้าเฝ้าและถวายรายงานเรื่องการพระศาสนาในเมืองนครศรีธรรมราชเป็นที่พอพระทัย และทรงเห็นว่าท่านมีคุณธรรมและอุตสาหะ จึงแต่งตั้งท่านเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะใหญ่เมืองนครศรีธรรมราช ต่อมาวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๑ ได้รับโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็นเจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราช และโปรดเกล้าฯ ให้พระยาวุฒิการบดีส่งสัญญาบัตรไปพระราชทาน ต่อมาวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๙ ทรงประกาศให้รวมมณฑลสุราษฎ์และจังหวัดสตูลเข้ากับมณฑลนครศรีธรรมราช โดยโปรดให้ท่านเป็นเจ้าคณะมณฑลต่อตั้งแต่วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๙ เป็นต้นไป
ในระหว่างดำรงตำแหน่งเจ้าคณะมณฑล นอกจากการปกครองสังฆมณฑลให้เรียบร้อย ท่านยังได้ทำงานสนองนโยบายของราชการโดยจัดการศึกษาแบบใหม่ขึ้นทั่วทั้งมณฑลนับแต่เมืองนครศรีธรรมราชไปจนถึงเมืองกลันตัน จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๗๒ ท่านจึงขอลาออกจากตำแหน่งเพราะชราภาพ แต่ปรากฏว่าเกิดความไม่สงบขึ้น ท่านจึงได้รับโปรดเกล้าฯ ให้กลับมาดำรงตำแหน่งเจ้าคณะมณฑลอีกครั้งตั้งแต่วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๗ เมื่อสะสางปัญหาต่าง ๆ เรียบร้อยท่านจึงขอลาออกอีกครั้งด้วยเหตุผลเดิม จึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตและให้พระธรรมโกษาจารย์ (เซ่ง อุตฺตโม) เจ้าคณะมณฑลภูเก็ต ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราชด้วยอีกตำแหน่งหนึ่งตั้งแต่วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๑
พ.ศ. ๒๔๖๗ - ๒๔๗๑ | เป็น เจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราช |
เจ้าอาวาสวัดท่าโพธิ์ |
พระรัตนธัชมุนี ถึงแก่มรณภาพด้วยโรคชราเมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ เวลา ๐๔.๒๐ น. ณ วัดท่าโพธิ์ สิริอายุได้ ๘๑ ปี ๔๒ วัน ได้รับพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘
๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๑ เป็น
พระราชาคณะ
ที่ พระศิริธรรมมุนี
|
๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๓ เป็น
พระราชาคณะชั้นเทพ
ที่ พระเทพกวี ศรีวิสุทธิดิลก ตรีปิฎกบัณฑิต ยติคณิศร บวรสังฆารามคามวาสี
|
๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๕ เป็น
พระราชาคณะชั้นธรรม
ที่ พระธรรมโกษาจารย์ สุนทรญาณดิลก ตรีปิฎกธรรมภูษิต ยติคณิศร บวรสังฆารามคามวาสี
|
๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๖ เป็น
พระราชาคณะชั้นธรรมพิเศษ
ที่ พระรัตนธัชมุนีศรีธรรมราช สังฆนายกตรีปิฎกคุณาลังการ ศีลสมาจารวินัยสุนทร ยติคณิศรบวรสังฆาราม คามวาสี
|
แจ้งเพิ่มข้อมูล info@sangkhatikan.com
www.sangkhatikan.com สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ที่สนใจ ศึกษาข้อมูล และเป็นที่รวบรวมข้อมูลพระสังฆาธิการทั่วประเทศ
ทางผู้จัดทำขออนุญาติ เจ้าของรูปและข้อมูลทุกท่าน ที่นำมาเผยแพร่
พระสังฆาธิการ : sangkhatikan.com
สำนักงานweb : วัดสำโรงเหนือ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ๑๐๑๓๐
E-mail : info@sangkhatikan.com
Facebook