พระธรรมทัศนาธร (ทองสุก สุทสฺโส ป.ธ.๘) | พระสังฆาธิการ

พระธรรมทัศนาธร (ทองสุก สุทสฺโส ป.ธ.๘)


 
เกิด ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๘
อายุ ๖๐ ปี
พรรษา ๔๐
มรณภาพ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๘
วัด วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร
ท้องที่ กรุงเทพมหานคร
สังกัด มหานิกาย


VIEW : 1,841

เพิ่ม/แก้ไขข้อมูล

สถานะเดิม


     พระธรรมทัศนาธร มีนามเดิมว่า ทองสุก จันทรขจร เกิดเมื่อวันศุกร์ แรม ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๘ บิดาชื่อ บุญ มารดาชื่อโฉม จันทรขจร บิดาเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ ๑๘ ตำบลสายทอง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง


ช่วงปฐมวัย

     อายุ ๙ ขวบได้เข้าศึกษาภาษาไทย ณ โรงเรียนภาษาไทยที่วัดโบสถ์สายทองใกล้บ้าน สอบไล่ได้ชั้นประถม ๓ มีความสามารถเป็นครูผู้ช่วยในโรงเรียนนั้น

     อายุ ๑๑ ขวบได้ย้ายไปศึกษาภาษาไทยต่อที่โรงเรียนภาษาไทยวัดสระแก้ว ตำบลบางเสด็จ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านปู่

     อายุ ๑๒ ขวบ ย้ายไปศึกษาภาษาไทยต่อที่วัดศาลาปูน ตำบลท่าวาสุกรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่ออายุได้ ๑๔ ปี สอบไล่ได้มัธยมปีที่ ๒ ที่โรงเรียนวิทยาลัยวัดศาลาปูน

     อายุ ๑๔ ปีได้เข้าศึกษาภาษาบาลี มูลกัจจายน์และคัมภีร์พระธรรมบท เรียนมูลกัจจายน์จบ และเรียนคัมภีร์พระธรรมบทได้ ๑ ขั้น

     อายุ ๑๖ ปี ได้ย้ายไปอยู่บ้านเสมียนแจ่มคงสมพรต ตำบลสำเภาล่ม เพื่อเข้าฝึกงานทางเสมียน


บรรพชาอุปสมบท

     เมื่ออายุได้ ๑๗ ปี ได้ย้ายไปเป็นเสมียนฝึกหัด ณ ที่ว่าการอำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ฝึกหัดเพียง ๑ เดือน แล้วย้ายไปอยู่วัดเกตุ ตำบลสายทอง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง โดยได้บรรพชาเป็นสามเณรเรียนภาษาบาลีและนักธรรมที่วัดนั้น แล้วสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในปีนั้น

     เมื่ออายุ ๑๘ ปี พ.ศ. ๒๔๖๖ ได้ย้ายมาอยู่วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนคร ได้เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณรใหม่ ในศกนี้ได้สอบนักธรรมชั้นโทได้และศกต่อมาได้สอบนักธรรมชั้นเอกได้

     พ.ศ. ๒๔๖๘ ได้รับการอุปสมบทเป็นภิกษุที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพ โดยมี สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี ) เมื่อครั้งยังดำรงสมณศักดิ์เป็นพระธรรมไตรโลกาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระพิมลธรรม (ฐานทัตตะ) เมื่อครั้งยังเป็นพระศรีสมโพธิและพระธรรมรัตนากร (กิตติสาระ) เมื่อครั้งยังเป็นพระญาณสมโพธิ เป็นคู่พระกรรมวาจานุสาวนาจารย์

     พ.ศ. ๒๔๗๐ ได้เข้าสอบบาลี เปรียญธรรม ๓ ประโยคได้ และในศกต่อ ๆ มา ได้สอบเปรียญธรรม ๔ – ๕ – ๖ – ๗ ประโยคได้ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๐ ได้รับพระบรมราชโองการ จากผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ให้ย้ายจากวัดมหาธาตุ จังหวัดพระนคร ไปดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี ณ วัดศรีบุรีรัตนาราม จังหวัดสระบุรี และในศกนี้เอง ได้สอบเปรียญธรรม ๘ ประโยคได้

     พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์วิสามัญ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๒ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะสามัญ ที่ พระศรีสุทัสสมุนี สระบุรีนายก สังฆปาโมกข์ ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี

     พ.ศ. ๒๔๘๕ ได้เป็นหัวหน้าบอกบุญชาวสระบุรีให้ช่วยผู้ประสบอุทกภัย น้ำท่วม ได้สิ่งของเป็นอันมาก โดยเฉพาะได้ข้าวสารหลายร้อยกระสอบ พ.ศ. ๒๔๙๑ ได้แสดงพระธรรมเทศนาสอนประชาชนชาวสระบุรีทั่วทุกหมู่บ้านของตำบลต่าง ๆ กินเวลา ๓ เดือนเศษ ได้เงินบูชาธรรมหนึ่งหมื่นบาทเศษ ได้จัดตั้งเป็นนิธิ บำรุงการศึกษาพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์สระบุรียั่งยืนมาจนกระทั่งบัดนี้

     พ.ศ. ๒๔๙๒ คณะสังฆมนตรี มีมติให้ย้ายมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม


หน้าที่และการงาน

     พ.ศ. ๒๔๗๓ ได้เป็นกรรมการตรวจนักธรรมและบาลีสนามหลวง และได้เป็นอาจารย์สอนนักธรรมและบาลี ประจำสำนักวัดมหาธาตุมาจนถึง พ.ศ. ๒๔๘๐ เมื่อย้ายมาอยู่จังหวัดสระบุรีในพ.ศ. ๒๔๘๐ นั้นเอง ก็ได้ประกาศตั้ง มหาสระวิทยาลัยขึ้น เพื่อให้เป็นสถานการศึกษาพระปริยัติธรรม ประจำวัดศรียุรีรัตนาราม จังหวัดสระบุรี และได้ผลิตนักธรรมและบาลีมั่นคงมาจนกระทั่งทุกวันนี้ หลังจากประชุมตรวจนักธรรมและบาลีที่วัดศรีบุรี จังหวัดสระบุรี ทุก ๆ ปี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๒ มาจนถึง พ.ศ. ๒๔๙๑ ได้มีการประชุมเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาสบางวัด และกรรมการในเรื่องระเบียบของคณะสงฆ์ ตลอดจนเชิญท่านข้าราชการในจังหวัดสระบุรี ให้มาถวายคำบรรยายแก่ที่ประชุม ได้เป็นหัวหน้านำก่อสร้างถนน ศาลา กุฏิ วิหาร ภายในวัดศรีบุรี สิ้นทรัพย์เป็นจำนวนมาก ได้ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ เจดีย์ ถนนและเสนาสนะสงฆ์ ในวัดชนะสงคราม ได้ประกาศตั้งสำนักเรียนพระปริยัติธรรมขึ้นที่วัดชนะสงคราม ตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๐๐

ตำแหน่ง

ฝ่ายปกครอง

พ.ศ. ๒๔๘๐  เป็น ผู้ช่วยเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี
พ.ศ. ๒๔๘๑  เป็น พระอุปัชฌาย์วิสามัญ
พ.ศ. ๒๔๘๒  เป็น เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี
พ.ศ. ๒๔๙๒ - ๒๕๐๘  เป็น เจ้าอาวาสวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร
พ.ศ. ๒๔๙๒  เป็น เจ้าคณะตรวจการผู้ช่วยภาค ๑
พ.ศ. ๒๔๙๔  เป็น เจ้าคณะตรวจการภาค ๔
พ.ศ. ๒๕๐๓  เป็น สังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การสาธารณูปการ
พ.ศ. ๒๕๐๔  เป็น สมาชิกสังฆสภา

ฝ่ายการศึกษา

พ.ศ. ๒๔๗๓ - ๒๔๘๐  เป็น กรรมการตรวจนักธรรมและบาลีสนามหลวง
พ.ศ. ๒๔๗๓ - ๒๔๘๐  เป็น อาจารย์สอนนักธรรมและบาลี ประจำสำนักวัดมหาธาตุ

การงานพิเศษ

     พ.ศ. ๒๔๗๒ โดยบัญชาของสังฆมนตรีว่าการองค์การเผยแผ่ ได้เดินทางไปอบรมประชาชนภาคพายัพ ๑๐ จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน จังหวัดลำปาง จังหวัดเชียงราย จังหวัดแพร่ จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดพิจิต และจังหวัดเพชรบูรณ์

     พ.ศ. ๒๔๗๗ และ พ.ศ. ๒๕๐๐ โดยมติคณะสังฆมนตรี ได้เดินทางเป็นผู้ร่วมคณะไปร่วมทำการสังคายนา พระไตรปิฎก ที่ประเทศพม่า

     พ.ศ. ๒๕๐๑ ได้เป็นหัวหน้านำคณะไปร่วมสังคายนาอรรถกา ที่ประเทศพม่า

     พ.ศ. ๒๕๐๕ ได้ร่วมคณะไปเจริญสัมพันธไมตรีกับชาวพุทธในสหรัฐมาเลเซีย

     พ.ศ. ๒๔๙๔ - พ.ศ. ๒๕๐๓ ได้ออกไปตรวจภาค ๔ ทุกปี ได้แนะนำคณะสงฆ์ และประชาชนให้ได้ทราบระเบียบและศีลธรรมโดยทั่วกัน

     พ.ศ. ๒๔๙๖ ได้ทำการประชุมพระอุปัชฌาย์ในเขตภาค ๔ ประมาณ ๕๐๐ รูปให้มาร่วมอบรมพระอุปัชฌาย์ ที่วัดชนะสงคราม พระนคร ใช้เวลา ๗ วัน

มรณภาพ


     พระธรรมทัศนาธร มรณภาพ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๘ ที่กุฏิเจ้าอาวาส คณะ ๑ สิริอายุได้ ๖๐ ปี พรรษา ๔๐

สมณศักดิ์


๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระศรีสุทัสสมุนี สระบุรีนายก สังฆปาโมกข์
พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็น พระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามเดิม
พ.ศ. ๒๔๙๗ เป็น พระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามเดิม
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ เป็น พระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมทัศนาธร อดิศรธรรมภาณี ศรีสุทัสสนวิมล ตรีปิฎกโกศลคุณวิภูสิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี [1]

ที่มา


1. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม ๗๕, ตอนที่ ๑๐๙ ง, ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑, หน้า ๓๑๓๑
เพจ วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร


แจ้งเพิ่มข้อมูล info@sangkhatikan.com

www.sangkhatikan.com สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ที่สนใจ ศึกษาข้อมูล และเป็นที่รวบรวมข้อมูลพระสังฆาธิการทั่วประเทศ
ทางผู้จัดทำขออนุญาติ เจ้าของรูปและข้อมูลทุกท่าน ที่นำมาเผยแพร่

พระสังฆาธิการ : sangkhatikan.com
สำนักงานweb : วัดสำโรงเหนือ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ๑๐๑๓๐
E-mail : info@sangkhatikan.com
Facebook